FA Youth Cup 3rd round
13 December 2007
เด็กๆปีศาจแดงพลิกเกมกลับมาหลังจากตามหลังอยู่หนึ่งประตู มาเป็นเอาชนะไบรตัน 2-1 ในเกมเอฟเอ ยูธคัพรอบที่สาม เมื่อวันพฤหัสที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา
แอนทอน ไบรอัน และเฟดเดอริโก มาเชด้ายิงคนละประตูช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบไป
แมนยูเริ่มต้นเกมอย่างรวดเร็ว และเป็นฝ่ายมีโอกาสเป็นคร้้งแรกตอนนาทีที่ 15 จากลูกเตะมุมของแดนนี่ เวลเบคที่ไปเข้าหัวคอร์รี่ย์ อีแวนส์กัปตันทีม แต่ลูกโหม่งของเค้าก็ไปตรงตัวผู้รักษาประตูของไบรตัน
ห้านาทีหลังจากนั้นก็เป็นสกอตต์ มอฟแฟต กองหลังที่ขึ้่นมาโขกลูกเปิดสุดสวยของแมกนุส อีแกรมข้ามคานไปอีก
แม้ว่าแมนยูจะเล่นได้ดีกว่า แต่กลับเป็นไบรตันที่เป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำ เมื่อลี ไบรอันต์กองหลัง ขึ้นมาประตูจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 29
คู่กองหน้าของแมนยูทั้งเวลเบคและมาเชด้าต่างก็สร้างปัญหาให้แผงหลังของไบรตัน ทั้งคู่ประสานงานกันได้ดีและกองหน้าทีมชาติอังกฤษชุดต่ำกว่า 17 ปีก็มีโอกาสหลายครั้ง แต่ลูกยิงก็ออกไปหมด
ถ้าการตกเป็นรองหนึ่งลูกในช่วงครึ่งแรกเรียกว่าโชคไม่ดีแล้ว การอดได้ลูกตีเสมอของแดนนี่ ดริงวอเตอร์หลังจากเริ่มครึ่งหลังหนึ่งนาทีก็เรียกว่าซวย เมื่อดริงวอเตอร์ซัดลูกเปิดของแดนนี่ กัลแบรธจากทางซ้ายไปชนเสาเต็มๆ
สิบนาทีหลังจากนั้น ดริงวอเตอร์ก็วอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายจากลูกเปิดของมอฟแฟตเฉียดคานไปอีกนิดเดียว
เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง 15 นาทีและแมนยูก็ทำท่าว่าจบเกมนี้แบบไม่สวย แม้ว่าจะครองเกมได้ตลอดครึ่งหลัง แต่หลังจากโหมบุกอย่างหนัก ในที่สุดเหล่านักเตะก็ทำได้สำเร็จ เมื่ออันโตนิโอ ไบรอัน ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง พลิกบอลเข้ากรอบเขตโทษได้สวยและส่งบอลเข้าไปเสียบตาข่ายได้สำเร็จ
และอีกเพียงห้านาทีหลังจากนั้นประตูที่สองก็ตามมา เมื่อมาเชด้าโดนผู้รักษาประตูรวบในกรอบเขตโทษ และดาวรุ่งชาวอิตาลีก็ลุกขึ้นมายิงเอง แม้จะโดนเซฟในจังหวะแรก แต่เค้าก็ยังไวพอที่จะตามซ้ำดาบสองเข้าไป
แม้จะทำท่าว่าจะไม่ได้ผ่านเข้ารอบต่อไป แต่เด็กๆของพอล แมคกินเนสก็แสดงให้เห็นเลือดนักสู้ และสมควรได้รับชัยชนะในนัดนี้ ผ่านเข้ารอบต่อไปจะพบกับคาร์ไลส์ ยูไนเต็ดในถิ่นของตัวเอง
รายชื่อผู้เล่น
ผู้รักษาประตู : เบน อามอส
กองหลัง : สกอตต์ มอฟแฟต, เคนนี่ สตริคแลนด์, แมทธิว เจมส์, โจ ดัดเจี้ยน
กองกลาง : แมกนุส อีแกรม (คาเมรอน สจ๊วร์ต แทนน. 82), คอร์รี่ย์ อีแวนส์, แดนนี่ ดริงวอเตอร์, แดนนี่ กัลแบรธ (แอนทอน ไบรอัน แทนน. 55)
กองหน้า : แดนนี่ เวลเบค, เฟดเดอริโก มาเชด้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น